ในตำนานเล่าว่า หลังจากที่ราชาผู้โง่เขลาล่มสลายไปเพราะความทะเยอทะยานของตนเอง ราชาทั้งหลายในทะเลทรายก็ลุกขึ้นฮือ และดับมอดลงดั่งประกายไฟ ทรราชเล็ก ๆ มากมายได้รวบรวมผู้ลี้ภัยที่หนีตายจากวันสิ้นโลกไว้ อาศัยใช้ซากปรักหักพังโบราณเป็นฐาน แล้วสร้างเทวาลัย ตำหนักและกำแพงสูงขึ้นมา เมืองที่สร้างจากโบราณสถานล่มสลายวันแล้ววันเล่า เหล่าทรราชที่อวดอ้างบารมี และร่ำรวยมั่งคั่ง ก็มีชีวิตที่สั้นเหลือเกิน ตะเกียงดวงนี้เป็นหนึ่งในสมบัติลับที่เหลืออยู่ในคลังสมบัติ ซึ่งมีเจ้าชายหนุ่มจากอาณาจักรที่ล่มสลายไปแล้วเป็นเจ้าของ "ท่านพ่อปีนขึ้นไปบนหอคอยสูงเพื่อไล่จับเหยี่ยวนักล่า หอคอยโบราณเปราะบางเกินกว่าจะรับน้ำหนักของเขา จึงสะบัดเขาให้ตกลงไปในผืนทรายอันร้อนระอุ" "และแล้ว อาณาจักรก็ได้ล่มสลายลง ส่วนข้าผู้ควรสืบทอดบัลลังก์ต่อ ก็ถูกดึงให้เข้าไปพัวพันกับความชุลมุนที่ไม่จำเป็น เกลือกกลิ้งไปมาท่ามกลางเล่ห์กล" "ขณะนั้นเอง ข้าก็มีคนที่ข้ารัก นางคิดแต่จะเป็นราชินี โดยไม่สนว่าผู้ครองบัลลังก์คือใครกันแน่" "ข้าจึงได้สูญเสียคนรักไป เพื่อรักษาไว้ซึ่งชีวิตและบัลลังก์ ข้าได้ปิดปากนางด้วยจูบของงูพิษ และฝังร่างของนางไว้ในกองทราย" "หลังจากนั้น ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก็เหมือนกับอาณาจักรต่าง ๆ ในความทรงจำของข้า ทั้งภัยด้านในและภัยด้านนอก บรรดาน้าและอา ทาสและไพร่ ต่างก็เข่นฆ่ากันเอง" "ความหิวกระหายและการแก่งแย่งชิงดีเปรียบเสมือนคู่แฝดพิการ สลับกันร่ายรำอยู่บนผืนทรายร้อนระอุที่ไร้ซึ่งเทพแห่งนี้ และฝังกลบตัวตนท่ามกลางภาพลวงมายา" และแล้ว อาณาจักรบนผืนทรายร้อนระอุก็ถูกฝังกลบไป ในขณะที่เจ้าชายผู้เคยมั่งคั่งกลายเป็นผู้ลี้ภัยที่สิ้นเนื้อประดาตัว ด้วยความมุ่งมั่นที่หมายจะพิชิตดินแดนใหม่ เขาจึงได้พกพาทรัพย์สินที่หลงเหลืออยู่ เดินทางมุ่งสู่ป่าฝนเพียงลำพัง เมื่อกาลเวลาผ่านไปเนิ่นนาน เจ้าชายผู้หวังจะเจริญรอยตามสมิงเครายาวสืบทอดผืนป่า กลับพ่ายแพ้ให้กับแสงจันทร์อันเงียบสงบ เขาหลงใหลร่างอันปราดเปรียวของนักล่าหญิงผู้ถือธนูขาว จึงได้เฝ้าสะกดรอยตามและถูกขับไล่ซ้ำ ๆ คืนแล้วคืนเล่า เจ้าชายผู้พลัดถิ่นค่อย ๆ เข้าใจการพึมพำของป่าฝนและเสียงกระซิบของพยัคฆ์ แล้วถูกความฝันแห่งความดียอมรับ... "ฮ่าฮ่าฮ่า... ช่างเป็นเรื่องราวที่ดีจริง ๆ บอกเล่าถึงการพลัดถิ่นของชนชั้นสูง แล้วค้นพบโชคชะตา หวนคืนสู่เกียรติยศอีกครั้ง..." "ห้วงฝันแห่งทองคำ กำลังพร่ำเรียกเม็ดทรายพเนจร..."